ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ต้น "ว่านธรณีสาร" ไม้มงคลโบราณของไทย

ต้น "ว่านธรณีสาร"

ไม้มงคลโบราณของไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าสิ่งไม่ดี ป้องกันเสนียดจัญไร 


ผู้เขียนถ่ายภาพเอง


ต้น "ว่านธรณีสาร"

เมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ผู้เขียนได้รู้จักต้นว่านธรณีสารจากเพื่อนในเฟส พอได้ยินสรรพคุณ ก็รีบไปเสาะแสวงหามาปลูกทันที 555 สายมู...นะเราเนี่ย

จริง ๆ ก็คือไปเดินหาซื้อที่ตลาดจตุจักรค่ะ ต้องไปหลายรอบกว่าจะได้มาไว้ในครอบครอง 


ความเชื่อ

"ว่านธรณีสาร" ฟังชื่อแล้วมันดูขลังยังไงก็ไม่รู้ ว่านธรณีสารเป็นไม้มงคลโบราณของไทย ที่นำมาใช้ประพรมน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี ปัดเป่าเสนียดจัญไรออกไป


ว่านธรณีสารเป็นไม้มงคลที่ปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคล และทำให้มีความสุข หากบ้านใครปลูกว่านธรณีสารแล้วเติบโตงอกงามดี ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าของจะได้รับเกียรติยศ ตำแหน่งหน้าที่การงานจะเจริญก้าวหน้า รวมไปถึงจะมีโชคลาภอีกด้วย 

และยังเชื่อว่าว่านธรณีสารมีอานุภาพช่วยคุ้มครองอาณาบริเวณให้รอดพ้นปลอดภัยจากมนต์ดำ คุณไสยต่าง ๆ ช่วยปัดเป่าเสนียดจัญไรไม่ให้เข้ามาทำอันตรายได้ นิยมปลูกหน้าบ้านหรือบริเวณรั้วบ้าน

ถ้าเทียบกับไม้มงคลของจีน ก็น่าจะเป็น 👉 ต้นทับทิม ไม้มงคลของจีน


"ว่านธรณีสาร" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Phyllanthus pulcher Wall. ex Müll.Arg.


ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง มีความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร 

ผู้เขียนถ่ายภาพเอง


ใบ

ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับในระนาบเดียวกัน  ในแต่ละกิ่งจะมีใบย่อยประมาณ 15-30 คู่ (ใบคล้ายใบมะขาม)


ดอก

ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีแดงเข้ม ออกดอกตามซอกใบ ดอกจะห้อยลงมา เรียงกันใต้ท้องใบตลอดแนวกิ่ง

ตามตำราบอกว่าออกดอกในช่วงพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน แต่ที่บ้านผู้เขียนออกดอกตลอดปี


ผู้เขียนถ่ายภาพเอง


ต้น ใบ ราก มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรรักษาอาการไข้ อาการปวดฟัน ขับลมในลำไส้ ฯลฯ 


ข้อมูลโดยละเอียดอ่านได้ที่ 

👉medthai.com/ว่านธรณีสาร


ผู้เขียนถ่ายภาพเอง


เมื่อผู้เขียนซื้อว่านธรณีสารมาปลูกจริง ๆ นอกจากสรรพคุณที่กล่าวมาแล้วนั้น เสน่ห์ของว่านธรณีสารที่ทำให้หลงรักก็คือ ดอกเล็ก ๆ ที่ออกตรงซอกใบ โดยดอกจะเรียงเป็นแถวตลอดแนวกิ่ง ดูแล้วน่ารักมาก ๆ 

แม้จะปลูกมาหลายปีแล้ว แต่ต้นก็ไม่สูงมากนัก ผู้เขียนปลูกในกระถาง 

ใช้ดินร่วน ดูแลโดยใส่ปุ๋ยบ้าง วางกระถางในบริเวณที่มีแดดรำไร ไม่โดนแดดจัด 


ผู้เขียนถ่ายภาพเอง


ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ นิยมปลูกว่านธรณีสารในวันพฤหัสบดี ข้างขึ้น และสวดคาถา "นะโมพุทธายะ" 3 จบ ก่อนรดน้ำทุกครั้ง 


อ่านมาถึงตรงนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความเป็นมงคล ความเชื่อ หรือเสน่ห์ความน่ารักของดอกว่านธรณีสาร เพื่อน ๆ คงอยากหาว่านธรณีสารมาปลูกกันแล้วใช่ไหมคะ แนะนำให้คลิกลิ้งก์ใต้ภาพต้นว่านธรณีสารได้เลยค่ะ เลือกดูต้นที่ชอบ สนนราคาน่ารัก อยู่ในช่วง 50 - ร้อยกว่าบาท ไม่ต้องไปเดินหาให้เหนื่อยแล้วค่ะ แหมสมัยก่อนไม่สะดวกสบายเหมือนตอนนี้เลยนะคะ


สนใจต้นไหน กดลิ้งก์เข้าไปดูไปชมได้เลยค่ะ


คลิกที่นี่ 👉ต้นว่านธรณีสาร🌺


คลิกที่นี่ 👉 ต้นว่านธรณีสาร 🌱


คลิกที่นี่ 👉 ต้นว่านธรณีสาร🍀



คลิกที่นี่ 👉ต้นว่านธรณีสาร 🌳


คลิกที่นี่ 👉ต้นว่านธรณีสาร🌻


หากเพื่อน ๆ อยากรู้จักไม้มงคลชนิดใด ฝากความเห็นไว้ได้นะคะ และถ้าอยากได้ต้นธรณีสารหรือต้นไม้มงคลประดิษฐ์จากดินไทยดินญี่ปุ่น ก็พูดคุยกับผู้เขียนได้เลยค่ะ

ตอนนี้ผู้เขียนขอตัวไปทำต้นทับทิมประดิษฐ์จากดินไทยดินญี่ปุ่นให้เสร็จก่อนค่ะ 👉 ต้นทับทิมดินไทยดินญี่ปุ่น



ขอบคุณทุกกำลังใจแล้วพบกันใหม่ค่ะ



ที่มาข้อมูล

medthai.com/ว่านธรณีสาร



ติดตามผลงานผู้เขียน


Facebook : Phaka Tip


Blogger: Phakatip


Page: Crafts from Clay





ความคิดเห็น

  1. ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ด้วยความยินดีค่ะ พี่แอร์😊💕

      ลบ
  2. อ่านเพลินมากเลยค่ะ ขอบคุณข้อมูลดี ๆ นี้นะคะ

    ตอบลบ
  3. เห็นสรรพคุณแล้วอยากนำมาปลูกเลยคร้า ขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาเผยแพร่ให้รับรู้นะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แนะนำให้ปลูกค่ะ เลี้ยงง่าย ดอกเขาน่ารัก เห็นแล้วผ่อนคลายค่ะพี่แหม่ม 😊

      ลบ
  4. คล้าย ๆ ต้นมะยมเลยนะคะพี่ มีลูกให้เก็บกินเหมือนมะยมไหมคะ ?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กิ่งคล้ายมะยมค่ะ ใบเล็กมนคล้ายใบมะขาม ดอกน่ารัก มีลูกเล็ก ๆ คล้ายลูกใต้ใบ แต่พี่ยังไม่เคยกินค่ะ คุณริน 😊 มันเล็กเกินค่ะ

      ลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว

  มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียลใหม่ ๆ เลื่อนหน้าเฟส สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ขนมอาลัวดอกกุหลาบสวย ๆ ผู้เขียนได้แต่มอง & สงสัยว่าเขาทำกันยังไงนะ ลำพังอาลัวธรรมดาที่เป็นรูปหยดน้ำก็พอจะเข้าใจวิธีบีบแป้ง แต่สำหรับอาลัวกุหลาบ 555 ตอนนั้นตีลังกาคิดอยู่หลายวันว่าเขาทำกันยังไงก็คิดไม่ออก เพราะไม่มีความรู้เรื่องการทำขนมเลยค่ะ กฎแรงดึงดูดทำงานตลอดเวลา เราคิดถึงสิ่งใดเราจะยิ่งเห็นสิ่งนั้น นอกจากภาพอาลัวจะมาปรากฎที่หน้าเฟสทุกครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาผู้เขียนก็ได้เจอคอร์สสอนทำขนมอาลัวกุหลาบ ซึ่งสมัยนั้นมีผู้สอนน้อยราย และไม่เป็นที่เผยแพร่นัก คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ต้องไปเรียนกับผู้สอนโดยตรง ไม่ใช่คอร์สออนไลน์อย่างในปัจจุบัน ผู้เขียนจึงรีบหาเวลาไปเรียนทันที  เมื่อไปเรียนแล้ว บอกเลยว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก ที่่ว่าไม่ยากนั่นคือ อาลัวเป็นขนมที่มีส่วนผสมน้อยชนิดและมีวิธีทำที่แสนจะธรรมดา ขอแค่ใส่ใจและมีเทคนิิคเล็กน้อย แต่ที่บอกว่าไม่ง่ายนั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้ขนมแห้ง กรอบและมีสีสวยน่ากินนี่สิ ดั้งเดิมนั้น อาลัวเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ Pixabay ทุกคนต้องมีครั้งแรกใช่ไหมคะ  การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในครั้งนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีประสบการณ์ ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ เช่นกันค่ะ เนื่องจากในวันที่ 6 ม.ค. 2564 ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอที่แผนกอายุรกรรม รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ ซึ่งเป็นการนัดเพื่อรับยาตามปกติ (เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย….ก็มักจะมีโรคประจำตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเป็นธรรมดา จริงไหมคะ) เมื่อมีสถานการณ์ Covid-19 ที่ทุกคนต้องดูแลตนเอง เพราะไม่รู้ว่าเราจะไปใกล้ชิดคนที่มีเชื้อเมื่อไหร่ ผู้เขียนก็รู้สึกกังวลว่าเราจะไปดีมั้ย จะเสี่ยงหรือไม่ เพราะการไปรพ. ก็เป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง แต่ยาประจำตัวก็จะหมด ถ้าไม่ไปรพ. แล้วจะเอายาที่ไหนกินล่ะทีนี้   ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้น ก่อนวันนัด 2 วัน คือวันที่ 4 ม.ค. ทางโรงพยาบาลก็โทรมา โดยคุณพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอในวันที่ 6 นี้ แต่ด้วยสถานการณ์ Civid-19 คนไข้จะมาพบคุณหมอตามนัดหรือจะให้คุณหมอโทรพูดคุยปรึกษาอาการทางโทรศัพท์ดีคะ และหากคุณหมอสั่งยา ทางรพ.จะส่งยาให้ทางไปรษณีย์ ไม่ต้องกังวล โอ้โฮ…

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก อย่างที่เคยเขียนเกี่ยวกับต้นทับทิมว่าเป็นต้นไม้มงคล ทับทิมไม้มงคลความหมายดี ผู้เขียนจึงปลูกต้นทับทิมไว้ที่หน้าบ้าน ซึ่งต้นสูงเลยรั้วบ้านแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนขณะรดน้ำต้นไม้ ผู้เขียนสังเกตเห็นกาฝาก วิกิพีเดีย กาฝาก กิ่งเล็ก ๆ เกาะอยู่บนยอดทับทิม แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็แค่กาฝาก และต้นทับทิมก็สูงมาก ถ้าจะตัดกาฝากออกต้องปีนบันไดขึ้นไป อย่างนั้นเอาไว้ก่อนละกัน  จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา สังเกตว่าต้นทับทิมที่เคยมีใบเขียวสดชื่น กลับแห้งเหี่ยว ส่วนเจ้ากาฝากกลับมีกิ่งก้านและรากที่โตขึ้นมาก ยึดเกาะกิ่งทับทิมอย่างแน่นหนา เจ้ากาฝากดูดอาหารจากต้นทับทิมนี่เองทำให้ทับทิมเหี่ยวแห้ง ถ้าปล่อยให้ต้นทับทิมยืนแห้งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ไม่ดีแน่ มองแล้วหดหู่ดูไม่สดชื่น ผู้เขียนจึงคิดว่าควรตัดออกทั้งต้น แต่เครื่องมือมีเพียงกรรไกรตัดกิ่งไม้กับใบเลื่อยเล็ก ๆ เท่านั้น   แม้เครื่องมือไม่พร้อมแต่ใจพร้อมลุยเลยละกัน แล้วปฏิบัติการเคลียร์คืนความสดชื่นก็เริ่มขึ้น โดยการปีนบันไดขึ้นไปตัดกิ่งที่สามารถตัดได้ก่อน กว่าจะตัดเสร็จเล่นเอามือระบม เพราะกิ่งทับทิมแข็งมีหนามแหลมคม กรรไกรก็เล็กเกิน ถ้าไ