ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

6 วิธีรับมือเมื่อชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ตอนมือที่สาม

6 วิธีรับมือเมื่อชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ตอน : มือที่สาม


Pixabay


กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ถึงจะนานแค่ไหนก็ยังพอจะจำได้อยู่ อ้าว ๆ ไม่ใช่นิทานนะ ขึ้นต้นแบบนี้ไม่ได้ เอาใหม่ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนนึงเกิดมาในครอบครัวที่ดี สิ่งแวดล้อมดี การศึกษาดี การงานดี หน้าตาก็ดีพอประมาณ โดยรวมคือทุกอย่างดีไปหมด


ต่อมาหญิงสาวคนนี้ก็พบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง และลงเอยด้วยการแต่งงานกัน ถ้าเป็นนิยายหรือละครก็คงเรียกว่าจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง จริงไหมคะ แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร การแต่งงานมันคือการเริ่มต้นบทละครตอนใหม่ ชีวิตหลังแต่งงานดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตามแบบที่ควรจะเป็น

เมื่อเริ่มใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างคนต่างทำงาน เช้าออกจากบ้าน เย็น - ค่ำกลับมาเจอกัน เสาร์อาทิตย์ไปเดินห้างช้อปปิ้ง กินข้าวนอกบ้าน นาน ๆ ค่อยไปต่างจังหวัดสักครั้ง เวลาผ่านไป 3 ปี ทั้งคู่ยังไม่มีทายาทสืบสกุล หรือที่เรียกว่าโซ่ทองคล้องใจอย่างที่โบราณชอบพูดกัน


Pixabay


ชีวิตคู่ของคนทั้งสองดำเนินไปอย่างปกติ แต่แล้ววันนึง ฝ่ายหญิงรับรู้ได้ถึงความไม่ปกติหลายอย่าง ตรงนี้คงไม่ต้องบรรยายนะคะ ให้เพื่อน ๆ มโนกันตามสะดวกค่ะ สรุปง่ายๆ คือ ฝ่ายชายไปมีกิ๊ก คู่ขา หรืออะไรก็สุดแท้ที่จะเรียก (ไปมีตอนไหนหว่า) ความมีชาติตระกูลดี การศึกษาดี การงานดี ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคู่ดีงามตามไปด้วย


ฝ่ายหญิงก็เกิดความสงสัยว่าตั้งแต่จำความได้ เธอไม่เคยแย่งชิงของรักของหวงจากใคร แต่ทำไมจึงมีคนมาแย่งชิงหลัวของเธอได้ โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ชีวิตคู่ที่เคยปกติสุขก็เปลี่ยนไป ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร จากบทนำของละครที่ดูเรียบง่าย พอเข้าสู่เนื้อเรื่องก็เจอกับฉากของการทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดไม่เว้นแต่ละวัน ไม่มีความสุข ทะเลาะกันหนักมาก ฟูมฟาย แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน ไคลแม้กซ์ของตอนนี้คือ เมื่อฝ่ายหญิงซึ่งสำคัญตนว่าเป็นนางเอกมาตลอด ถามฝ่ายชายว่า ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ คำตอบที่ได้เล่นเอานางเอกถึงกับอึ้ง น้ำตาซึมขึ้นมาทันที 


Pixabay


เพื่อนๆ อยากรู้ใช่ไหมคะว่า พระเอกของตอนนี้พูดว่าอย่างไร 

…..

……

……..

………

……….

…………

…………..

……….

…….

…..

..


พระเอกสุดหล่อย้อนกลับมาว่า 

"ใครไปทำอะไรคุณ?" 

"ผมไม่เห็นว่ามีใครไปทำอะไรคุณนะ" ………………………….


ประโยคเดียวที่ได้ยิน นางเอกของเรื่องคลิ้กเลยค่ะ ตาสว่าง เออจริงเนอะ ไม่มีใครมาทำอะไรเรา….. นอกจากเรานั่นแหละที่ทำร้ายตัวเอง นั่นไง นางเอกของเราคิดเป็นนะเออ ตัดจบตอนเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ


ในโลกทางกายภาพ เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากคุณหลัว ผู้ชายคนนี้คือโคตรของโคตรเห็นแก่ตัวอย่างมากกกกกกกกกก…..

แต่ถ้ามองให้ลึกถึงความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ คำตอบนี้ชัดเจนที่สุด โลกนี้ไม่มีใครทำอะไรเราได้นอกจากเราทำร้ายจิตใจของตัวเราเอง


ละครก็มาจากเรื่องจริง บางครั้งชีวิตจริงก็ยิ่งกว่าละคร ดังนั้น วันนี้หากคุณกำลังเผชิญกับชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร ขอให้มีสติ รักตัวเองให้มากพอ เห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วชีวิตจะไปต่อได้ 


เรามาดู 6 วิธีที่ควรทำ เมื่อชีวิตจริงยิ่งกว่าละครกันเลยค่ะ


1.ยอมรับความจริงก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต การยอมรับความจริงจะช่วยให้คุณรู้ตัว รู้ปัญหาสถานะของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่หลอกตัวเอง ไม่มโนไปเองนะคะ


2.สำรวจตัวเองก่อนว่ามีอะไรบกพร่อง เติมไม่เต็มหรือเปล่า เมื่อพบแล้วก็ค่อยหาทางปรับปรุง อย่าหลอกตัวเองเด็ดขาด


3.คุยกับคนต้นเรื่องก็คุณหลัวนั่นแหละ ว่ามันผิดพลาดตรงไหน อะไรทำให้เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากสุรา ขาดสติ ความใกล้ชิด จิตใจที่อ่อนไหวง่ายของฝ่ายชาย สุดท้ายคือกมลสันดานที่หยั่งรากลึกภายใน ยากเกินแก้ไขถ้าใจไม่แข็งจริง


4.หาวิธีแก้ไข งานนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ชีวิตคู่ดำเนินต่อไปได้อย่างมีความสุข 


5.ท้ายสุด ถ้าการแก้ไขไม่เป็นผล หรืออีกฝ่ายไม่ร่วมมือ ผิดซ้ำผิดซากไม่ปรับพฤติกรรม คงต้องตัดใจ 


6.กลับมารักตัวเองให้มาก เห็นคุณค่าของตัวเอง ที่สำคัญ คุณยังมีพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน ๆ ที่รักและเห็นคุณค่าของคุณเสมอ ในตอนนี้นางเอกยังไม่มีลูก ถ้ามีลูกคุณยิ่งต้องรักตัวเองและเข้มแข็งเพื่อลูก (รออ่านบทความต่อไปนะคะ)


Pixabay


ทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตทำให้เกิดการเรียนรู้ เพียงยอมรับความจริง หาทางแก้ไข ปรับตัว แล้วคุณจะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

ปล. อย่าเสียดายหลัวที่หายไป เพราะคุณจะได้ชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม ชีวิตที่ดีงามรอคุณอยู่ข้างหน้าเสมอ


ขอบคุณทุกการติดตาม 


แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ



ติดตามผลงานผู้เขียน


5 วิธีกลับมาอยู่กับตัวเอง


5 วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง


Facebook : Phaka Tip


Blogger: Phakatip


Page: Crafts from Clay



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว

  มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียลใหม่ ๆ เลื่อนหน้าเฟส สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ขนมอาลัวดอกกุหลาบสวย ๆ ผู้เขียนได้แต่มอง & สงสัยว่าเขาทำกันยังไงนะ ลำพังอาลัวธรรมดาที่เป็นรูปหยดน้ำก็พอจะเข้าใจวิธีบีบแป้ง แต่สำหรับอาลัวกุหลาบ 555 ตอนนั้นตีลังกาคิดอยู่หลายวันว่าเขาทำกันยังไงก็คิดไม่ออก เพราะไม่มีความรู้เรื่องการทำขนมเลยค่ะ กฎแรงดึงดูดทำงานตลอดเวลา เราคิดถึงสิ่งใดเราจะยิ่งเห็นสิ่งนั้น นอกจากภาพอาลัวจะมาปรากฎที่หน้าเฟสทุกครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาผู้เขียนก็ได้เจอคอร์สสอนทำขนมอาลัวกุหลาบ ซึ่งสมัยนั้นมีผู้สอนน้อยราย และไม่เป็นที่เผยแพร่นัก คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ต้องไปเรียนกับผู้สอนโดยตรง ไม่ใช่คอร์สออนไลน์อย่างในปัจจุบัน ผู้เขียนจึงรีบหาเวลาไปเรียนทันที  เมื่อไปเรียนแล้ว บอกเลยว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก ที่่ว่าไม่ยากนั่นคือ อาลัวเป็นขนมที่มีส่วนผสมน้อยชนิดและมีวิธีทำที่แสนจะธรรมดา ขอแค่ใส่ใจและมีเทคนิิคเล็กน้อย แต่ที่บอกว่าไม่ง่ายนั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้ขนมแห้ง กรอบและมีสีสวยน่ากินนี่สิ ดั้งเดิมนั้น อาลัวเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ Pixabay ทุกคนต้องมีครั้งแรกใช่ไหมคะ  การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในครั้งนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีประสบการณ์ ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ เช่นกันค่ะ เนื่องจากในวันที่ 6 ม.ค. 2564 ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอที่แผนกอายุรกรรม รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ ซึ่งเป็นการนัดเพื่อรับยาตามปกติ (เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย….ก็มักจะมีโรคประจำตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเป็นธรรมดา จริงไหมคะ) เมื่อมีสถานการณ์ Covid-19 ที่ทุกคนต้องดูแลตนเอง เพราะไม่รู้ว่าเราจะไปใกล้ชิดคนที่มีเชื้อเมื่อไหร่ ผู้เขียนก็รู้สึกกังวลว่าเราจะไปดีมั้ย จะเสี่ยงหรือไม่ เพราะการไปรพ. ก็เป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง แต่ยาประจำตัวก็จะหมด ถ้าไม่ไปรพ. แล้วจะเอายาที่ไหนกินล่ะทีนี้   ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้น ก่อนวันนัด 2 วัน คือวันที่ 4 ม.ค. ทางโรงพยาบาลก็โทรมา โดยคุณพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอในวันที่ 6 นี้ แต่ด้วยสถานการณ์ Civid-19 คนไข้จะมาพบคุณหมอตามนัดหรือจะให้คุณหมอโทรพูดคุยปรึกษาอาการทางโทรศัพท์ดีคะ และหากคุณหมอสั่งยา ทางรพ.จะส่งยาให้ทางไปรษณีย์ ไม่ต้องกังวล โอ้โฮ…

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก อย่างที่เคยเขียนเกี่ยวกับต้นทับทิมว่าเป็นต้นไม้มงคล ทับทิมไม้มงคลความหมายดี ผู้เขียนจึงปลูกต้นทับทิมไว้ที่หน้าบ้าน ซึ่งต้นสูงเลยรั้วบ้านแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนขณะรดน้ำต้นไม้ ผู้เขียนสังเกตเห็นกาฝาก วิกิพีเดีย กาฝาก กิ่งเล็ก ๆ เกาะอยู่บนยอดทับทิม แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็แค่กาฝาก และต้นทับทิมก็สูงมาก ถ้าจะตัดกาฝากออกต้องปีนบันไดขึ้นไป อย่างนั้นเอาไว้ก่อนละกัน  จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา สังเกตว่าต้นทับทิมที่เคยมีใบเขียวสดชื่น กลับแห้งเหี่ยว ส่วนเจ้ากาฝากกลับมีกิ่งก้านและรากที่โตขึ้นมาก ยึดเกาะกิ่งทับทิมอย่างแน่นหนา เจ้ากาฝากดูดอาหารจากต้นทับทิมนี่เองทำให้ทับทิมเหี่ยวแห้ง ถ้าปล่อยให้ต้นทับทิมยืนแห้งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ไม่ดีแน่ มองแล้วหดหู่ดูไม่สดชื่น ผู้เขียนจึงคิดว่าควรตัดออกทั้งต้น แต่เครื่องมือมีเพียงกรรไกรตัดกิ่งไม้กับใบเลื่อยเล็ก ๆ เท่านั้น   แม้เครื่องมือไม่พร้อมแต่ใจพร้อมลุยเลยละกัน แล้วปฏิบัติการเคลียร์คืนความสดชื่นก็เริ่มขึ้น โดยการปีนบันไดขึ้นไปตัดกิ่งที่สามารถตัดได้ก่อน กว่าจะตัดเสร็จเล่นเอามือระบม เพราะกิ่งทับทิมแข็งมีหนามแหลมคม กรรไกรก็เล็กเกิน ถ้าไ