ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 วิธีกลับมาอยู่กับตัวเอง

 5 วิธีกลับมาอยู่กับตัวเอง



คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีที่ผ่านมา หลายท่านได้พบเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย มีเรื่องราวหลายอย่างทั้งในชีวิตจริง ทั้งในโลกโซเชี่ยล บางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง แต่อีกหลายร้อยเรื่องเป็นเรื่องของคนอื่น มีทั้งสุขทุกข์ปนเปกัน จนแยกไม่ออกว่าไอ้ที่เราทุกข์ เราสุขนั้นมีสาเหตุมาจากสิ่งใด ตัวผู้เขียนก็เช่นกันค่ะ

หากยังปล่อยชีวิตให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่มีโอกาสมาเขียน blog แน่ ๆ 


วิธีที่ผู้เขียนใช้เยียวยาตัวเอง โห…. ใช้คำว่าเยียวยา อ๊ะ ๆ มันไม่ใช่อย่างที่หลายท่านคิด เพียงแต่หาคำที่เหมาะสมไม่ได้เท่านั้นค่ะ จึงขอใช้คำว่าเยียวยาละกัน ชัดเจนดี มาดูกันเลยค่ะ 


5 วิธีกลับมาอยู่กับตัวเอง


1.ให้เวลากับตัวเอง พักกาย พักใจ

สวดมนต์ ทำสมาธิ วันละ 5-10 นาที

ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าไม่เคยทำมาก่อน อาจต้องใช้ความพยายามสักหน่อยค่ะ


2.ออกกำลังกาย ฝึกโยคะ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมกับเป็นการทำสมาธิไปในตัว สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฝึก ขอแนะนำให้เข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ 👉Yoga with LaLa: โยคะพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มฝึก ครูสวย เก่ง น่ารัก สอนเข้าใจง่ายค่ะ  หรือเพื่อน ๆ จะเลือกออกกำลังกายตามที่ถนัดก็ได้ค่ะ


3.ฟังเพลงบรรเลงเพราะๆ ช่วยผ่อนคลายจิตใจ จะเป็นเพลงไทย จีน สากลได้ทั้งนั้น ผู้เขียนฟังคลิปนี้ค่ะ 👉 เพลงบรรเลงสากล ฟังสบาย ๆ ฟังเพลงที่ชอบ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ


4.ใกล้ชิดกับธรรมชาติ วันหยุดปลูกต้นไม้ จัดสวน หรือไปในที่ ๆ ห่างไกลผู้คน ห่างไกลจากคนรู้จัก (อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยด้วยนะคะ)


บรรยากาศบริเวณคลอง 10 อ.ลำลูกกา


ในภาพคือฝูงเป็ดว่ายน้ำข้ามฝั่งคลอง จะบอกว่าเป็ดฝูงนี้คือที่มาของบทความนี้ค่ะ ขอบคุณนะเป็ด ก้าป ก้าป 😊


5.ฟังธรรมะ เป็นโชคดีของผู้เขียนที่เช้าวันขึ้นปีใหม่ได้มีโอกาสฟังคลิปของหลวงพ่อสมปอง (ท่านจิตโต) แห่งบ้านสบายใจ จ.อุทัยธานี ธรรมะข้อสำคัญที่ท่านจิตโตสอนคือ อย่าสนใจในจริยาของผู้อื่น เขาจะถูกจะผิด จะดีจะเลว มันเรื่องของเขา ให้ใส่ใจระวังกายวาจาใจของตนเอง แล้วชีวิตเราจะสบายขึ้น กดลิงก์นี้ 👉 ธรรมะบ้านสบายใจ โดยท่านจิตโต ธรรมะของหลวงพ่อฟังง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ตรงใจค่ะ


ผู้เขียนใช้ทั้ง 5 วิธี ตามเวลาและโอกาส ขอบอกว่าได้ผลดีต่อจิตใจเป็นอย่างมากค่ะ จึงมาแนะนำค่ะ


จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องปกติที่คนเราต้องมีความอยากเก่งอยากรวย อยากสบาย แต่ถ้าชีวิตถูกห่อหุ้มไปด้วยความไม่สบายใจ ความคับข้องใจ เราก็จะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ดังนั้น ลองใช้ 5 วิธีในการกลับมาอยู่กับตัวเอง มาอยู่กับธรรมชาติปลดเปลื้องบางสิ่งที่รกรุงรังออกไป แล้วชีวิตคุณจะเบาสบายขึ้น พร้อมดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข สดใสตลอดไป


ชีวิตเป็นของคุณ ถ้าคุณรักตัวเองมากพอ คุณจะมีเวลากลับมาอยู่กับตัวเอง


ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุข สุขภาพดี ในปีใหม่นี้


ขอบคุณ ผู้ผลักดันบทความแรกของปี 2564

@Lakkhana Prompanna

@ลูกแพร ลูกแพร

@ลัคกี้ ลักษมณ

@อรนภา ฉัตรฐิติ

ขอบคุณตัวเอง

ขอบคุณทุกกำลังใจ แล้วพบกันใหม่นะคะ



ติดตามผลงานผู้เขียน


Facebook : Phaka Tip


Blogger: Phakatip


Page: Crafts from Clay



ความคิดเห็น

  1. ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความที่ดีๆๆค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. ด้วยความยินดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ 😊

      ลบ
  2. กลับมาอยู่กับตัวเองบ้าง เวลาที่รู้สึกวุ่นวาย รู้สึกดีจังค่ะ

    ตอบลบ
  3. เยี่ยมมากค่ะพี่จิน...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากค่ะ คุณเจี๊ยบ พลังงานบวกมาแล้ว

      ลบ
  4. ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะพี่จิน เป็นบทความที่ดีงามมาก ๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะ Yoga with LaLa อิอิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ด้วยความยินดีค่ะ ครูลาล่า Yoga with LaLa ดีงามจริง ๆ ค่ะ

      ลบ
  5. อ่านแล้ว กลับมาเตือนสติตัวเองเลยค่ะพี่จิน บทความที่มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กลับมาอยู่กับตัวเองแล้วจะมีพลังช่วยผู้คนได้มากขึ้นค่ะ พี่แหม่ม😊

      ลบ
  6. บรรยาดาศสดชืานมากเลนค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่เลยค่ะ ธรรมชาติสดชื่นมาก ๆ ค่ะ

      ลบ
  7. ่เยี่ยมมากค่ะ อ่านเพลิน ๆ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว

  มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียลใหม่ ๆ เลื่อนหน้าเฟส สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ขนมอาลัวดอกกุหลาบสวย ๆ ผู้เขียนได้แต่มอง & สงสัยว่าเขาทำกันยังไงนะ ลำพังอาลัวธรรมดาที่เป็นรูปหยดน้ำก็พอจะเข้าใจวิธีบีบแป้ง แต่สำหรับอาลัวกุหลาบ 555 ตอนนั้นตีลังกาคิดอยู่หลายวันว่าเขาทำกันยังไงก็คิดไม่ออก เพราะไม่มีความรู้เรื่องการทำขนมเลยค่ะ กฎแรงดึงดูดทำงานตลอดเวลา เราคิดถึงสิ่งใดเราจะยิ่งเห็นสิ่งนั้น นอกจากภาพอาลัวจะมาปรากฎที่หน้าเฟสทุกครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาผู้เขียนก็ได้เจอคอร์สสอนทำขนมอาลัวกุหลาบ ซึ่งสมัยนั้นมีผู้สอนน้อยราย และไม่เป็นที่เผยแพร่นัก คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ต้องไปเรียนกับผู้สอนโดยตรง ไม่ใช่คอร์สออนไลน์อย่างในปัจจุบัน ผู้เขียนจึงรีบหาเวลาไปเรียนทันที  เมื่อไปเรียนแล้ว บอกเลยว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก ที่่ว่าไม่ยากนั่นคือ อาลัวเป็นขนมที่มีส่วนผสมน้อยชนิดและมีวิธีทำที่แสนจะธรรมดา ขอแค่ใส่ใจและมีเทคนิิคเล็กน้อย แต่ที่บอกว่าไม่ง่ายนั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้ขนมแห้ง กรอบและมีสีสวยน่ากินนี่สิ ดั้งเดิมนั้น อาลัวเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ Pixabay ทุกคนต้องมีครั้งแรกใช่ไหมคะ  การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในครั้งนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีประสบการณ์ ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ เช่นกันค่ะ เนื่องจากในวันที่ 6 ม.ค. 2564 ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอที่แผนกอายุรกรรม รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ ซึ่งเป็นการนัดเพื่อรับยาตามปกติ (เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย….ก็มักจะมีโรคประจำตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเป็นธรรมดา จริงไหมคะ) เมื่อมีสถานการณ์ Covid-19 ที่ทุกคนต้องดูแลตนเอง เพราะไม่รู้ว่าเราจะไปใกล้ชิดคนที่มีเชื้อเมื่อไหร่ ผู้เขียนก็รู้สึกกังวลว่าเราจะไปดีมั้ย จะเสี่ยงหรือไม่ เพราะการไปรพ. ก็เป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง แต่ยาประจำตัวก็จะหมด ถ้าไม่ไปรพ. แล้วจะเอายาที่ไหนกินล่ะทีนี้   ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้น ก่อนวันนัด 2 วัน คือวันที่ 4 ม.ค. ทางโรงพยาบาลก็โทรมา โดยคุณพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอในวันที่ 6 นี้ แต่ด้วยสถานการณ์ Civid-19 คนไข้จะมาพบคุณหมอตามนัดหรือจะให้คุณหมอโทรพูดคุยปรึกษาอาการทางโทรศัพท์ดีคะ และหากคุณหมอสั่งยา ทางรพ.จะส่งยาให้ทางไปรษณีย์ ไม่ต้องกังวล โอ้โฮ…

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก อย่างที่เคยเขียนเกี่ยวกับต้นทับทิมว่าเป็นต้นไม้มงคล ทับทิมไม้มงคลความหมายดี ผู้เขียนจึงปลูกต้นทับทิมไว้ที่หน้าบ้าน ซึ่งต้นสูงเลยรั้วบ้านแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนขณะรดน้ำต้นไม้ ผู้เขียนสังเกตเห็นกาฝาก วิกิพีเดีย กาฝาก กิ่งเล็ก ๆ เกาะอยู่บนยอดทับทิม แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็แค่กาฝาก และต้นทับทิมก็สูงมาก ถ้าจะตัดกาฝากออกต้องปีนบันไดขึ้นไป อย่างนั้นเอาไว้ก่อนละกัน  จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา สังเกตว่าต้นทับทิมที่เคยมีใบเขียวสดชื่น กลับแห้งเหี่ยว ส่วนเจ้ากาฝากกลับมีกิ่งก้านและรากที่โตขึ้นมาก ยึดเกาะกิ่งทับทิมอย่างแน่นหนา เจ้ากาฝากดูดอาหารจากต้นทับทิมนี่เองทำให้ทับทิมเหี่ยวแห้ง ถ้าปล่อยให้ต้นทับทิมยืนแห้งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ไม่ดีแน่ มองแล้วหดหู่ดูไม่สดชื่น ผู้เขียนจึงคิดว่าควรตัดออกทั้งต้น แต่เครื่องมือมีเพียงกรรไกรตัดกิ่งไม้กับใบเลื่อยเล็ก ๆ เท่านั้น   แม้เครื่องมือไม่พร้อมแต่ใจพร้อมลุยเลยละกัน แล้วปฏิบัติการเคลียร์คืนความสดชื่นก็เริ่มขึ้น โดยการปีนบันไดขึ้นไปตัดกิ่งที่สามารถตัดได้ก่อน กว่าจะตัดเสร็จเล่นเอามือระบม เพราะกิ่งทับทิมแข็งมีหนามแหลมคม กรรไกรก็เล็กเกิน ถ้าไ