ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 วิธีสร้างกำลังใจในสถานการณ์ Covid-19

5 วิธีสร้างกำลังใจในสถานการณ์ Covid-19

Pixabay


เริ่มปีใหม่ 2564 กับสถานการณ์ Covid-19 นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด Covid-19 ในครั้งนี้แล้ว หลาย ๆ คนมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคต อันได้แก่ ภาระค่าใช้จ่าย ค่ากินค่าอยู่ รายได้ที่สั่นคลอน หรือบางคนรู้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้แล้วว่ารายได้ไม่เข้าอย่างแน่นอน


ความวิตกกังวลต่าง ๆ ทำให้เกิดความเครียดตั้งแต่ระดับธรรมดา เครียดมากจนถึงเครียดมากที่สุด มีแต่ความกังวลมืดมนไม่เห็นหนทางถ้าปล่อยไว้แบบนี้ บอกเลยว่าไม่รอด


Pixabay


แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ

ในเรื่องการดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ ผู้เขียนจะไม่ขอพูดถึง เพราะสามารถติดตามข่าวสารได้ทั่วไป แต่จะขอพูดถึงการดูแลสภาพจิตใจ ลดความวิตกกังวล เพื่อให้มีสติ มีกำลังใจก้าวเดินต่อไปได้นะคะ


ขอบอกก่อนว่า สิ่งที่เขียนเขียนเพื่อส่งต่อกำลังใจ เขียนแบบบ้าน ๆ ไม่ได้เขียนตามหลักวิชาการ เรามาดูกันเลยค่ะ


5 วิธีสร้างกำลังใจในสถานการณ์ Covid-19

1.ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ทางออกที่ดีสำหรับทุกเรื่องคือ เราต้องยอมรับความจริงว่าสถานการณ์ Covid-19 นี้เกิดขึ้นจริง และบอกกับตัวเองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเราคนเดียว แต่มันเกิดกับคนทั้งโลก 

เมื่อเรายอมรับความจริงได้แล้ว เราจะมีสติปัญญาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และไปต่อได้


Pixabay


2.ความเครียด เป็นเรื่องธรรมดาที่พอเจอสถานการณ์ Covid-19 นี้ เราย่อมเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต ชีวิตของบางคนก่อนสถานการณ์ก็รันทดพออยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ หาทางออกไม่ได้ หากเก็บความเครียดไว้มาก ๆ ไม่ดีแน่ ๆ 

Pixabay


ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ ปลดปล่อยเจ้าตัวความเครียด ความอัดอั้นออกไปก่อน โดยใช้วิธี "ปิดห้องร้องไห้" ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม คนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้นะ ปิดห้องร้องไห้ให้จบ จะน้อยใจ เสียใจ เศร้าใจ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับเรา ร้องไห้ให้จบ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงน่าจะพอนะ (อ้อ ปิดห้องร้องไห้คนเดียวนะคะ อย่าให้ใครเห็น เดี๋ยวจะแตกตื่น)

ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจออกมาให้หมด ร้องเสร็จ ลุกไปอาบน้ำอาบท่า ล้างหน้า แต่งตัวใหม่ แล้วไปหาของกินอร่อย ๆ ให้ร่างกายสดชื่น แล้วใจของคุณจะเบาสบาย


3.เขียนรายจ่าย ลิสต์รายการรายจ่ายประจำ ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในบ้าน แล้วดูว่า รายการไหนเราสามารถตัดทอนลงได้ ให้เขียนออกมา


Pixabay


4.เขียนวิธีสร้างรายได้ บอกกับตัวเองเสมอว่า เราโชคดีกว่าอีกหลายคน มองส่วนดีที่เรามี ดึงสิ่งนั้นขึ้นมา โดยหยิบสมุด ปากกา หรือใครจะใช้โทรศัพท์ก็ได้ ให้ตั้งสติเขียนรายการออกมาว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง เขียนออกมาให้หมด แล้วดูว่าแต่ละรายการที่เราทำได้ สิ่งไหนสามารถทำให้เกิดรายได้ ณ ขณะนี้ได้บ้าง ให้ลงมือทำ


Pixabay


หากคุณทำอาหารเก่ง คุณก็โชคดีกว่าคนที่ทำอาหารไม่เป็น

หากคุณทำงานประดิษฐ์เก่ง คุณก็โชคดีกว่าคนที่ทำงานประดิษฐ์ไม่เป็น 

หากคุณมองโลกในแง่บวก คุณก็โชคดีกว่าคนที่มองโลกในแง่ลบ

หาความรู้ศึกษาวิธีทำยูทูป สื่อต่าง ๆ  นำความรู้ที่คุณมีลงยูทูป หรือสื่อโซเชียลอื่น ๆ ตรงนี้จะเป็นช่องทางสร้างรายได้ในอนาคต


5.พักกายพักใจกลับมาอยู่กับตัวเอง

สวดมนต์ ออกกำลังกาย ฟังเพลง 

ยอมรับความจริง ตั้งสติแล้วหาวิธีเดินหน้า ถ้ายังฟุ้งอยู่ ให้ไปดู 👉5 วิธีกลับมาอยู่กับตัวเอง


Pixabay


สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแค่มีสติ มีกำลังใจ คุณจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างแน่นอน ไม่แน่นะ สถานการณ์ครั้งนี้อาจพลิกชีวิตของคุณจากงานที่เคยทำไปสู่การสร้างอาชีพใหม่ที่สร้างความสุข สร้างรายได้ที่ยั่งยืน


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครสักคน เพียงแค่นี้ผู้เขียนก็ดีใจมาก ๆ แล้วค่ะ 


คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้


Pixabay


แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ



ติดตามผลงานผู้เขียน


Facebook : Phaka Tip


Blogger: Phakatip


Page: Crafts from Clay

ความคิดเห็น

  1. อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกันค่ะ ยายเล็ก

      ลบ
  2. ขอบคุณกำลังใจที่ดี ๆ นะคะ เป็นประโยชน์มากเลย

    ตอบลบ
  3. เป็นประโยชน์มากเลยค่ะพี่จิน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ด้วยความยินดีค่ะ ตั้งสติก่อนเลยค่ะ คุณเจี๊ยบ

      ลบ
  4. คำตอบ
    1. ด้วยความยินดีค่ะ น้องแอน💕✌

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว

  มารู้จักเครื่องอบขนมอาลัว เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียลใหม่ ๆ เลื่อนหน้าเฟส สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ขนมอาลัวดอกกุหลาบสวย ๆ ผู้เขียนได้แต่มอง & สงสัยว่าเขาทำกันยังไงนะ ลำพังอาลัวธรรมดาที่เป็นรูปหยดน้ำก็พอจะเข้าใจวิธีบีบแป้ง แต่สำหรับอาลัวกุหลาบ 555 ตอนนั้นตีลังกาคิดอยู่หลายวันว่าเขาทำกันยังไงก็คิดไม่ออก เพราะไม่มีความรู้เรื่องการทำขนมเลยค่ะ กฎแรงดึงดูดทำงานตลอดเวลา เราคิดถึงสิ่งใดเราจะยิ่งเห็นสิ่งนั้น นอกจากภาพอาลัวจะมาปรากฎที่หน้าเฟสทุกครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาผู้เขียนก็ได้เจอคอร์สสอนทำขนมอาลัวกุหลาบ ซึ่งสมัยนั้นมีผู้สอนน้อยราย และไม่เป็นที่เผยแพร่นัก คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ต้องไปเรียนกับผู้สอนโดยตรง ไม่ใช่คอร์สออนไลน์อย่างในปัจจุบัน ผู้เขียนจึงรีบหาเวลาไปเรียนทันที  เมื่อไปเรียนแล้ว บอกเลยว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก ที่่ว่าไม่ยากนั่นคือ อาลัวเป็นขนมที่มีส่วนผสมน้อยชนิดและมีวิธีทำที่แสนจะธรรมดา ขอแค่ใส่ใจและมีเทคนิิคเล็กน้อย แต่ที่บอกว่าไม่ง่ายนั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้ขนมแห้ง กรอบและมีสีสวยน่ากินนี่สิ ดั้งเดิมนั้น อาลัวเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่

ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ Pixabay ทุกคนต้องมีครั้งแรกใช่ไหมคะ  การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในครั้งนี้ ก็ทำให้ผู้เขียนมีประสบการณ์ ครั้งแรกกับการปรึกษาแพทย์ทางโทรศัพท์ เช่นกันค่ะ เนื่องจากในวันที่ 6 ม.ค. 2564 ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอที่แผนกอายุรกรรม รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ ซึ่งเป็นการนัดเพื่อรับยาตามปกติ (เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลาย….ก็มักจะมีโรคประจำตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเป็นธรรมดา จริงไหมคะ) เมื่อมีสถานการณ์ Covid-19 ที่ทุกคนต้องดูแลตนเอง เพราะไม่รู้ว่าเราจะไปใกล้ชิดคนที่มีเชื้อเมื่อไหร่ ผู้เขียนก็รู้สึกกังวลว่าเราจะไปดีมั้ย จะเสี่ยงหรือไม่ เพราะการไปรพ. ก็เป็นจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง แต่ยาประจำตัวก็จะหมด ถ้าไม่ไปรพ. แล้วจะเอายาที่ไหนกินล่ะทีนี้   ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้น ก่อนวันนัด 2 วัน คือวันที่ 4 ม.ค. ทางโรงพยาบาลก็โทรมา โดยคุณพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ผู้เขียนมีนัดพบคุณหมอในวันที่ 6 นี้ แต่ด้วยสถานการณ์ Civid-19 คนไข้จะมาพบคุณหมอตามนัดหรือจะให้คุณหมอโทรพูดคุยปรึกษาอาการทางโทรศัพท์ดีคะ และหากคุณหมอสั่งยา ทางรพ.จะส่งยาให้ทางไปรษณีย์ ไม่ต้องกังวล โอ้โฮ…

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก

อย่ามองว่าเป็นแค่กาฝาก อย่างที่เคยเขียนเกี่ยวกับต้นทับทิมว่าเป็นต้นไม้มงคล ทับทิมไม้มงคลความหมายดี ผู้เขียนจึงปลูกต้นทับทิมไว้ที่หน้าบ้าน ซึ่งต้นสูงเลยรั้วบ้านแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนขณะรดน้ำต้นไม้ ผู้เขียนสังเกตเห็นกาฝาก วิกิพีเดีย กาฝาก กิ่งเล็ก ๆ เกาะอยู่บนยอดทับทิม แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็แค่กาฝาก และต้นทับทิมก็สูงมาก ถ้าจะตัดกาฝากออกต้องปีนบันไดขึ้นไป อย่างนั้นเอาไว้ก่อนละกัน  จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา สังเกตว่าต้นทับทิมที่เคยมีใบเขียวสดชื่น กลับแห้งเหี่ยว ส่วนเจ้ากาฝากกลับมีกิ่งก้านและรากที่โตขึ้นมาก ยึดเกาะกิ่งทับทิมอย่างแน่นหนา เจ้ากาฝากดูดอาหารจากต้นทับทิมนี่เองทำให้ทับทิมเหี่ยวแห้ง ถ้าปล่อยให้ต้นทับทิมยืนแห้งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ไม่ดีแน่ มองแล้วหดหู่ดูไม่สดชื่น ผู้เขียนจึงคิดว่าควรตัดออกทั้งต้น แต่เครื่องมือมีเพียงกรรไกรตัดกิ่งไม้กับใบเลื่อยเล็ก ๆ เท่านั้น   แม้เครื่องมือไม่พร้อมแต่ใจพร้อมลุยเลยละกัน แล้วปฏิบัติการเคลียร์คืนความสดชื่นก็เริ่มขึ้น โดยการปีนบันไดขึ้นไปตัดกิ่งที่สามารถตัดได้ก่อน กว่าจะตัดเสร็จเล่นเอามือระบม เพราะกิ่งทับทิมแข็งมีหนามแหลมคม กรรไกรก็เล็กเกิน ถ้าไ